รายงานการแข่งขัน

เหล่าที่สุดของที่สุดมารวมตัวกันเพื่อชิงความคู่ควรสู่รอบชิงชนะเลิศ

Nations Cup ของ Gran Turismo World Series 2022 World Finals

Gran Turismo World Series 2022 เข้าสู่บทสุดท้ายด้วยรอบสุดท้ายประจำภูมิภาคของ Nations Cup ที่เหล่านักแข่งเจ้าความเร็วของแกรนทัวริสโม ทั้ง 30 คนจาก 14 ประเทศได้มาถึงอาคารกีฬาของโรงแรม Monte Carlo Bay เพื่ออีเวนต์ World Finals ซึ่งจะถ่ายทอดสดเป็นครั้งแรกในรอบสามปี ตำแหน่ง ณ เส้นออกตัวในรอบชิงชนะเลิศของ Nations Cup ครั้งนี้ ซึ่งมีกำหนดให้เริ่มขึ้นในตอนเย็นวันอาทิตย์ จะตัดสินกันวันนี้ด้วยรอบสุดท้ายประจำภูมิภาคของสามภูมิภาค พร้อมด้วยรอบแก้ตัว โดยจะแบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็นสามกลุ่มจากสิบกลุ่มตามภูมิภาคของพวกเขา ได้แก่ เอเชีย/โอเชียเนีย, ยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกา และอเมริกาเหนือกลางใต้ ซึ่งผู้ที่เข้าเส้นชัยเป็นสามอันดับแรกในแต่ละการแข่งขันจะได้เข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ ส่วนผู้ที่ได้อันดับที่ 4 ถึง 7 จะต้องไปแข่งกันในรอบแก้ตัว และผู้ที่เข้าเส้นชัยเป็นสามอันดับแรกของรอบแก้ตัวก็จะได้ตั๋วสู่รอบชิงชนะเลิศ

ก่อนจะถึงวันแข่ง Igor Fraga อยู่ที่อันดับสูงสุดของกระดานของแชมป์ด้วยเจ็ดคะแนน ตามมาด้วยนักแข่งชาวฝรั่งเศส Kylian Drumont กับหกคะแนน แต่ก็ยังมีโอกาสที่อะไรๆ จะพลิกผันถล่มทลายอยู่ เพราะคะแนนในรอบสุดท้ายประจำภูมิภาคนั้นจะมากกว่ารอบก่อนๆ และคะแนนในรอบชิงชนะเลิศนั้นก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น ในเชิงของการคำนวณทางคณิตศาสตร์แล้วนักแข่งทุกคนในสนามจึงยังมีโอกาสคว้าชัยในรายการกันอยู่ และนั่นทำให้รอบสุดท้ายของแต่ละภูมิภาคจะขับเคี่ยวกันอุตลุดสุดความตึงแน่นอน

รอบสุดท้ายประจำภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนีย: วัตคินส์ เกลน ลองคอร์ส

การแข่งขันแรกของวันจะเป็นการตัดสินว่าผู้ใดจากภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนียจะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ในรอบคัดเลือกนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่ใจกันไปแล้วว่าเหล่านักแข่งชาวญี่ปุ่นกำลังมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจ ด้วยการคว้าตำแหน่งในห้าอันดับแรกของเส้นออกตัวไปจากการแข่งขัน 17 แล็ปที่วัตคินส์ เกลน โดยแชมป์ Nations Cup ปี 2020 Takuma Miyazono จากญี่ปุ่น (Kerokkuma_ej20) นั่ง Ferrari 330 P4 (โมเดลปี 1967) จ่ออยู่ ณ ตำแหน่งโพลโพซิชัน และที่อยู่แถวหน้าด้วยกันก็คือ Seiya Suzuki (V1_CRV-KRT86) ส่วน Tomoaki Yamanaka (yamado_racing38) กับ Kanata Kawakami (SG_Kawakana) นั้นจองแถวสองกันอยู่ ด้านนักแข่งชาวออสเตรเลียสองคน ซึ่งมีนักแข่งหญิงคนเดียวในสนามด้วย คือ Emily Jones (emreeree) และนักแข่งชาวนิวซีแลนด์สองคนกับนักแข่งชาวฮ่องกงอีกคนอยู่ในตำแหน่งที่เหลือ

การแข่งขันนี้มีข้อกำหนดว่า จะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งแล็ปที่นักแข่งใช้ทั้งยางเนื้ออ่อนและเนื้อปานกลาง ดังนั้น แผนการเข้าพิตและใช้ยางจึงมีบทบาทในการแข่งขันกันทั้งคู่ และก็ไม่น่าแปลกใจที่นักแข่งสี่อันดับแรก ณ เส้นออกตัวเริ่มการแข่งขันด้วยยาง Michelin เนื้ออ่อนซึ่งใช้ทำความเร็วได้ดีกว่า เพราะต่างก็หวังว่าจะทิ้งห่างจากฝูงแต่เนิ่นๆ เพื่อชิงการนำอันมิอาจมีใครล้มล้างได้
เหล่าผู้นำ ณ จุดสตาร์ทต่างได้อานิสงส์จากการออกตัวแบบโรลลิ่งกันไปอย่างงดงาม โดยมี Miyazono เป็นผู้นำแก๊งสี่สหายร่วมชาติผ่านโค้งแรกของการแข่งขันไป ส่วน Guy Barbara (Dstinct_Twitchy) จากออสเตรเลีย ก็ได้ลิ้มรสด้วยตัวเองว่ารถแข่งรุ่นเก่าเหล่านี้ร้ายเหลือเพียงไหน เมื่อท้าย Ferrari ของเขาส่ายจนรถหมุนไปชนแนวกั้นข้างทางที่โค้งแรก

และเรื่องราวก็เป็นไปตามคาด คือสี่จ่าฝูงกับยางเนื้ออ่อนเริ่มทิ้งห่างออกไป โดยเมื่อถึงช่วงกลางแล็ปที่ 4 ก็นำอยู่ 2.0 วินาทีแล้ว ขณะเดียวกัน Jones ก็จัดเต็มให้เหล่านักแข่งชาวกีวี โดยเริ่มจากการแซง Simon Bishop (sidawg2) ก่อน จากนั้นก็แซง Matt McEwen (AE_McEwen) ในแล็ปต่อมาแล้วขึ้นมาเป็นที่ 6

และก็เพิ่งในแล็ป 6 นี่เองที่เหล่านักแข่งแดนอาทิตย์อุทัยเริ่มขยับเขยื้อนกันครั้งใหญ่ โดย Yamanaka ขึ้นแซง Suzuki ที่กำลังเข้าโค้ง 1 การเข้าพิตครั้งแรกเกิดขึ้นในแล็ปที่ 8 เมื่อ Yamanaka, Suzuki และ Kawakami ต่างเปลี่ยนจากยางเนื้ออ่อนไปเป็นยางเนื้อปานกลาง ในขณะที่ Ryota Kokubun (Akagi_1942mi) เปลี่ยนไปใช้ยางเนื้ออ่อน ด้าน Miyazono ซึ่งเป็นจ่าฝูงอยู่นั้นเข้าพิตในแล็ปต่อมา และกลับเข้าสู่สนามเป็นที่หนึ่งพร้อมเบาะกันกระแทกขนาด 2.2 วินาที

เมื่อแล็ปที่ 11 เริ่มต้นขึ้น Kokubun ซึ่งเป็นคนเดียวในหมู่ผู้นำที่ยังใช้ยางเนื้ออ่อนอยู่ ได้ขึ้นแซง Kawakami ไปอยู่ที่ 4 ก่อนจะเริ่มเฉือนเวลา 5.0 วินาทีที่ Suzuki ในอันดับที่ 3 นำอยู่ และเมื่อถึงแล็ปที่ 15 Kokubun ก็ขึ้นแซงเขาไปในโค้งแรก แต่จุดจบของดวลเดือดครั้งนี้ยังอีกยาวไกลนัก สามแล็ปสุดท้ายเป็นศึกระหว่าง Kokubun กับ Suzuki ที่หวดใส่กันแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ด้วยหวังจะตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปโดยอัตโนมัติ ทั้งคู่ต่างลองของใส่กันในทุกครั้งที่มีโอกาส สลับตำแหน่งกันไปมาอยู่หลายครั้ง จังหวะเบียดกันก็เกิดขึ้นอยู่หลายหน นี่คือการแข่งขันที่ดิบและน่าตื่นเต้นที่สุด

ดวลเดือดของสองนักสู้ไปรู้ผลที่สามโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน เมื่อ Kokubun ขึ้นแซง ณ ด้านในของ 7 ซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า "โท" เฉือนนำเพื่อนร่วมชาติคว้าตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไป ด้านผู้นำการแข่งขันอย่าง Takuma Miyazono และ Tomoaki Yamanaka ผู้เข้าเส้นชัยเป็นที่ 2 ก็ได้เข้ารอบเช่นกัน

Miyazono กล่าวหลังได้รับชัยชนะว่า "ผลงานเมื่อวานผมยับเยินไปหมด [ใน Toyota GR GT Cup] เลยครับ พอวันนี้ชนะก็เลยโล่งใจ ตลอดการแข่งนี่ใจผมอยู่ไม่สุขเลยครับ แถมกังวลด้วยว่าจะทำพลาดอะไรเข้า ผมหวังนะครับว่าชัยชนะครั้งนี้จะส่งตัวเองไปรอบชิงชนะเลิศ"

อันดับ นักแข่ง เวลา
1 Takuma Miyazono Kerokkuma_ej20 29:51.845
2 Tomoaki Yamanaka yamado_racing38 +01.478
3 Ryota Kokubun Akagi_1942mi +05.116
4 Seiya Suzuki V1_CRV-KRT86 +05.666
5 Kanata Kawakami SG_Kawakana +10.169
6 Matthew McEwen AE_McEwen +10.408
7 Emily Jones emreeree +12.498
8 Simon Bishop sidawg2 +15.886
9 Guy Barbara Dstinct_Twitchy +20.756
10 Jonathan Wong saika159- +23.748

รอบสุดท้ายประจำภูมิภาค ยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกา: ออโต้โดรโม่ นาเซียวนาเล่ มอนซ่า

สำหรับภูมิภาค ยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกา สถานที่จัดการแข่งขันก็คือสนามแข่งระดับตำนานอย่างออโต้โดรโม่ นาเซียวนาเล่ มอนซ่า สนามความเร็วสูงที่ไว้วางใจอะไรไม่ได้ และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี ส่วนรถแข่งสำหรับการแข่งขันนี้ก็ยังเป็นของอิตาลี นั่นก็คือ Lamborghini V12 Vision Gran Turismo และก็เช่นเดียวกับการแข่งในรอบอื่นๆ คือนักแข่งต้องใช้ทั้งยางเนื้ออ่อนและเนื้อปานกลางแข่งจบหนึ่งรอบสนามเป็นอย่างน้อยในการแข่ง 18 แล็ป ซึ่งก็มีเรื่องให้แปลกใจกันเล็กๆ เมื่อ Thomas Labouteley จากฝรั่งเศส (Aphel-ion) คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันไป โดยมีนักแข่งสเปนคนโปรดของแฟนๆ อย่าง Coque López (coquelopez14) ต่อแถวอยู่ในอันดับที่ 2 ส่วนแชมป์ Nations Cup ปีที่แล้ว Valerio Gallo จากอิตาลี (Williams_BRacer) และหน้าใหม่จากสหราชอาณาจักร Saruthan Seelan (VQS_Coyote7) ต่างจับจองแถวที่สอง

ขณะที่อีกคนที่แฟนๆ ชอบมากอย่าง José Serrano จากสเปน (TDG_JOSETE) เริ่มแข่งด้วยอันดับที่ 10 ซึ่งเป็นตำแหน่งรั้งท้ายของเส้นออกตัว
รถสามอันดับแรกในการแข่งขันนั้นเปิดเกมด้วยยางเนื้ออ่อน ส่วนคันอื่นๆ ในสนามใช้ยางเนื้อปานกลาง ทันทีที่ไฟเขียววาบแสง ความดุเดือดก็เริ่มขึ้นทันที เมื่อ Gallo ห้อเต็มเหยียดผ่านจุดหักของโค้ง 1-2 ปาดหน้า Variante Rettifilo ตามด้วยขึ้นแซง Labouteley ที่เคอร์วา กรันเด (โค้ง 3) ขึ้นแซงไป López เองก็อัดเต็มสูบไม่แพ้กัน โดยแซง Labouteley ตาม Gallo ไปด้วย ไกลออกไปทางท้ายสนาม Kylian Drumont นักแข่งหน้าใหม่จากฝรั่งเศส (PRiMA_Kylian19) โดน Seelan สอยหลุดออกนอกสนามไปที่เคอร์วา ดี เลสโม ทำให้ตกจาที่ 4 ไปอยู่ที่ 9 ขณะเดียวกัน Serrano ก็ขึ้นแซงคันแล้วคันเหล่าจนมาอยู่สี่อันดับแรกได้ในแล็ปแรก

ด้วยรถ GT Vision คันพิเศษที่ทำความเร็ว ณ ทางตรงด้านหน้าได้ถึง 350 กม./ชม. อันดับในแล็ปแรกจึงเป็น Gallo, López, Labouteley และ Nikita Moysov จาก
สาธารณรัฐเชก (ERM_Nick) ดูเหมือน López จะทำพลาดที่โค้ง 1 โดยเบรกช้าไป แต่ก็กลับมาตั้งลำได้อย่างสวยงามและแซง Gallo ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงไปในการนั้น

เมื่อถึงแล็ปที่ 6 López, Gallo และ Labouteley ต่างขยายการนำห่างจากคนอื่นๆ ไปเป็น 7.0 วินาที แต่เหล่านักแข่งกลางฝูงยังคงทรงดีอยู่ในระยะพร้อมจู่โจม เพราะต่างก็ยังอยู่ในช่วงที่ใช้ยาง Michelin เนื้ออ่อน การเข้าพิตครั้งแรกเกิดขึ้นในแล็ปที่ 7 เมื่อสองนักแข่งจากฝรั่งเศส Drumont กับ Baptiste Beauvois (R8G_TSUTSU) เปลี่ยนจากยางเนื้ออ่อนไปเป็นเนื้อปานกลาง และแล็ปต่อมาก็มีรถเข้าพิตกันอีก รวมทั้ง Labouteley ซึ่งอยู่ที่ 3 แต่จ่าฝูงทั้งสองยังคงอยู่ในสนาม

ในที่สุด เมื่อ López กับ Gallo เข้าพิตที่แล็ป 9 พวกเขาก็ทิ้งห่างพอจะทำให้ยังนำอยู่ 2.5 วินาทีเมื่อกลับสู่สนาม ซึ่งก็นำห่างไปอีกเมื่อการแข่งขันดำเนินไป หลายแล็ปต่อมาเป็นการแข่งขันอันดุเดือดเพื่อชิงที่ 3 ระหว่างเหล่านักแข่งฝรั่งเศส Labouteley, Drumont และ Beauvois Beauvois เสียการควบคุมรถไปช่วงหนึ่งในแล็ป 13 และถูกประเมินให้ลงโทษ 0.5 วินาทีจากการออกนอกสนาม ซึ่งทำให้ Serrano ขึ้นแซงเขาไปได้ นั่นทำเอา Beauvois โกรธจัดเลยทีเดียว เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แซง Serrano, Drumont และ Labouteley รวดเดียวผ่านโค้งเคอร์วา พาราบอลิกา ที่ทางตรงด้านหน้าแบบไม่แคร์ม้าแคร์เรือ แล้วขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ในตอนจบแล็ป 14

อันดับในการแข่งขันยังคงที่ไปนานตลอดช่วงท้ายของการแข่งขัน จนกระทั่ง Coque López ชนะไปอย่างสบายๆ และ Valerio Gallo ก็เข้าเส้นชัยคว้าที่ 2 ไปเดี่ยวๆ ส่วน Beauvois นั้นคว้าที่ 3 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปอย่างยากลำบาก

López กล่าวหลังการแข่งขันว่า “หลังจากที่ทำผลงานไม่ดีในช่วงต้นฤดูกาล การได้มาที่นี่แล้วแข่งกันเป็นที่หนึ่งก็น่ายินดีและสนุกมากเลยครับ ซึ่งนี่แหละครับที่ผมหวังไว้ ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากบอกว่ามีความสุขเลยครับ เพราะทุกอย่างวันนี้เป็นไปอย่างที่คิด”

อันดับ นักแข่ง เวลา
1 Coque López coquelopez14 28:11.378
2 Valerio Gallo Williams_BRacer +01.482
3 Baptiste Beauvois R8G_TSUTSU +06.352
4 Jose Serrano TDG_JOSETE +07.687
5 Thomas Labouteley Aphel-ion +09.136
6 Kylian Drumont PRiMA_Kylian19 +10.569
7 Nikita Moysov ERM_Nick +14.712
8 Giorgio Mangano Williams_Gio +19.929
9 Nicolas Romero ERM_NicoRD +29.762
10 Saruthan Seelan VQS_Coyote7 +44.923

รอบสุดท้ายประจำภูมิภาคอเมริกา: ออโต้โดรโม่ เดอ อินเตอร์ลากอส

รอบสุดท้ายประจำภูมิภาครายการสุดท้ายเป็นศึกระหว่างส่วนต่างๆ ของอเมริกา ซึ่งบราซิล ชิลี และสหรัฐอเมริกา เป็นสายแข็งในสนาม นักแข่งกลุ่มนี้มีแชมป์ Nations Cup ปี 2018 อยู่ด้วย นั่ีนก็คือ Igor Fraga จากบราซิล (IOF_RACING17) ซึ่งเป็นแชมป์ TOYOTA GAZOO Racing GT Cup วันก่อน แม้เป็นตัวเก็งว่าจะชนะการแข่งขันแล้วแถมยังมีคะแนนนำใน Nations Cup แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ดับฝันเขาได้ โดยเฉพาะเหล่าเพื่อนร่วมชาติอย่าง Lucas Bonelli (TGT_BONELLI), Adriano Carrazza (Didico__15) และ Arthur Mosso (GRID_ART55MN) โดยรอบนี้พวกเขาจะได้บันเทิงกับความได้เปรียบของสนามบ้านเกิด เพราะสถานที่จัดการแข่งขันก็คือออโต้โดรโม่ เดอ อินเตอร์ลากอส ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเซาเปาโลของประเทศบราซิล

ในการแข่งขันนี้ผู้เล่นจะใช้รถ McLaren MP4/4 Formula 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในรถที่ประสบความสำเร็จเป็นที่สุดตลอดกาลในการแข่งขัน F1 และนั่นทำให้การแข่งขันนี้เป็นการแสดงความเคารพต่อ Ayrton Senna ที่ขับรถคันนี้คว้าแชมป์โลกไปในปี 1988 อนึ่ง การแข่งขันครั้งนี้ก็เช่นเดียวกับรายการก่อนหน้า คือ จากทั้งหมด 22 แล็ป มีอย่างน้อยหนึ่งแล็ปที่นักแข่งต้องใช้ทั้งยางเนื้อปานกลางและยางเนื้ออ่อน ดังนั้น แผนการเข้าผิดจึงมีบทบาทไปเต็มๆ

ผู้ที่เริ่มทำลายแผนของนักแข่งชาวบราซิลก่อนก็คึอ Angel Inostroza จากชิลี (YASHEAT_Loyrot) ที่ผ่านรอบคัดเลือกชิงโพลโพซิชันไปจากทุกคนแบบขาดลอย และมี Bonelli อยู่อันดับที่ 2 ส่วนแถวที่สองประกอบด้วย Carrazza กับ Fabian Portilla จากชิลี (Mobil_PerroLoco) ขณะที่ผู้นำของรายการอย่าง Fraga นั้นออกตัวในอันดับที่ 5

งานนี้แค่ออกตัวกันมาก็ดราม่าทันที เพราะทั้งสิบคันต่างอัดกันเข้าโค้งแรกแทบพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง Inostroza ซึ่งเป็นจ่าฝูงนั้นผ่านโค้งไปได้แบบสวยๆ แต่ Carrazza นั้นติดอยู่ในความชุลมุนจนร่วงไปอยู่ที่ 6 Portilla กับ Fraga ขยับขึ้นไปเป็นที่ 3 และที่ 4 ตามลำดับ แต่ Portilla โดนลงโทษจากการกระแทกกัน ซึ่งที่สุดแล้วทำให้เขาหลุดจากการแข่งขันไป

และนั้นก็เป็นหลักฐานว่า Inostroza นั้นมีสมาธิกว่าใคร เพราะในแล็ปที่ 4 นั้น เขาก็นำห่างจาก Bonelli ซึ่งอยู่ที่สองไป 4.0 วินาที Fraga วิ่งตามหลังเพื่อนร่วมชาติอยู่ในอันดับ 3 ส่วนอเมริกันหน้าใหม่อย่าง Dean Heldt (PRiMA_Deano) นั้นอยู่ที่ 4 เมื่อถึงแล็ปที่ 6 Fraga ก็โชว์ทักษะด้วยการขึ้นแซงผ่านเดสซิดา โด ลาโก (โค้งที่ 4 และ 5) ไปอยู่ในอันดับที่ 2

ส่วน Inostroza นั้นอยู่ในกลุ่มแรกที่เข้าพิต โดยเข้าไปตอนจบแล็ปที่ 10 เพื่อเปลี่ยนยางเนื้ออ่อนไปเป็นยางเนื้อปานกลาง ซึ่งที่เข้ามาด้วยกันก็คือ Carrazza กับ Heldt และแล็ปต่อมาก็เป็นตาของ Bonelli ขณะที่ Fraga กับ Mosso ไปเข้าตอนแล็ป 12 เมื่อกลับเข้าสู่สนามกันอีกครั้ง นักแข่งทุกคนก็เข้าพิตหมดแล้ว โดยมีลำดับการแข่งขันคือ Inostroza, Fraga แล้วก็ Bonelli

ขณะเดียวกัน Carrazza กับ Mosso ที่ใช้ยางเนื้ออ่อนอยู่ก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาบนตารางคะแนนด้วยการขึ้นไปเป็นอันดับที่ 4 และที่ 5 ในแล็ป 17 สองแล็ปต่อมา Mosso ซึ่งเป็นหน้าใหม่ก็จู่โจมมือเก๋าอย่าง Carrazza ที่ทางตรงด้านหลังเพื่อขึ้นไปเป็นที่ 4

ส่วนในแล็ปสุดท้ายของการแข่งขันนั้นมีการเปลี่ยนอันดับกัน โดย Angel Inostroza ประกาศศักดากึกก้องด้วยชัยชนะอันน่าประทับใจ การเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 ทำให้ Igor Fraga ยังคงเป็นผู้นำในการชิงแชมป์ แต่เขารู้ดีแก่ใจว่าถ้าอยากเป็นนักแข่งคนแรกที่คว้าแชมป์ Nations Cup สองสมัยซ้อน เขาก็ต้องทำผลงานดีเยี่ยมในรอบชิงชนะเลิศ ส่วนสิทธิตีตั๋วเข้ารอบชิงอัตโนมัติใบสุดท้ายนั้นตกเป็นของ Bonelli ไป

Inostroza กล่าวหลังการแข่งขันว่า “ผมไม่สะดวกกับยางเนื้อปานกลางเลยสักนิดนะครับ เลยทำพลาดไปในสนาม เทอร์โบรถคันนี้หน่วงจัดเลย ตอนเข้าโค้งผมเลยไถลไปนิดๆ แต่สุดท้ายก็ชนะมาได้ ซึ่งก็เห็นๆ กันแหละนะครับ ว่าผมดีใจมาก นี่คือผมชนะครั้งแรกในอีเวนต์สดของ Nations Cup เลย”

อันดับ นักแข่ง เวลา
1 Angel Inostroza YASHEAT_Loyrot 29:23.600
2 Igor Fraga IOF_RACING17 +00.824
3 Lucas Bonelli TGT_BONELLI +10.308
4 Arthur Mosso GRID_ART55MN +15.039
5 Adriano Carrazza Didico__15 +17.020
6 Dean Heldt PRiMA_Deano +20.349
7 Martin Marza TENTFS_Papo2514 +24.899
8 Robert Heck Robby--Heck +36.540
9 Mark Pinnell Turismo-lester +39.771
10 Fabián Portilla Mobil_PerroLoco +50.671

รอบแก้ตัว: สนามแข่งรถนานาชาติ วิลโลว์ สปริงส์ : บิ๊ก วิลโลว์

นักแข่ง 12 มารวมตัวกันที่นี่เพื่อโอกาสที่สองสู่ความลิงโลดในวันอาทิตย์หลังจากพลาดสามอันดับแรกในรอบสุดท้ายประจำภูมิภาคกันมา และถ้าคราวนี้คว้าหนึ่งในสามอันดับแรกมาไม่ได้อีก เส้นทางการชิงแชมป์ Nations Cup ปี 2022 ของพวกเขาก็ถึงคราวต้องจบลง สถานที่จัดการแข่งขันสำหรับการห้อเต็มเหยียด 18 แล็ปก็คือสนามความเร็วสูงทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย ซึ่งก็คือสนามแข่งรถนานาชาติ วิลโลว์ สปริงส์ ที่เหล่านักแข่งจะต้องขับ Suzuki V6 Escudo Pikes Peak Special ซึ่งทำสีตามประเทศตัวเอง และทั้งรถและสนามแห่งนี้ ก็เป็นรถคันเดียวกันและสนามแห่งเดียวกันกับที่นักแข่งรายการ Nations Cup ทุกคนเจอมาในรอบคัดเลือก การแข่งขันในรอบนี้นั้นไม่มีการบังคับว่าต้องเข้าพิต เพราะการสึกหรอของยางเนื้ออ่อนนั้นเพียงพอจะอยู่ไปได้ทั้งการแข่งขัน

หลังจากแล็ปที่หนึ่งผ่านไป Seiya Suzuki of Japan (V1_CRV-KRT86) ก็ขึ้นนำ Arthur Mosso (GRID_ART55MN) จากบราซิลและ José Serrano จากสเปน (TDG_JOSETE) ไปเล็กน้อย แต่อันดับในการแข่งขันนั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอยู่แล้วเพราะรถในสามอันดับแรกห่างกันเพียงหนึ่งวินาที ส่วนอีกกลุ่มนั้นประกอบด้วย Kanata Kawakami จากญี่ปุ่น (SG_Kawakana), Thomas Labouteley จากฝรั่งเศส (Aphel-ion), Adriano Carrazza จากบราซิล (Didico__15), Matt McEwen จากนิวซีแลนด์ (AE_McEwen) และ Kylian Drumont จากฝรั่งเศส (PRiMA_Kylian19) ซึ่งตามหลังเหล่าจ่าฝูงอยู่ 1.5 วินาที

และอีกหลายแล็ปต่อไปจากนั้นก็เป็นการแข่งขันอย่างดุเดือดเพื่อชิงที่ 3 เมื่อ Suzuki กับ Serrano เริ่มทิ้งห่างออกไป Kawakami, Carrazza กับ Mosso ก็เอาทุกอย่างเป็นเดิมพันเพื่อชิงอันดับ 3 ที่เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายสุดท้ายมา การดวลนั้นยุติลงชั่วคราวเมื่อ Kawakami เข้าพิตไปในแล็ปที่ 8 เพื่อเปลี่ยนเป็นยางเนื้ออ่อน และ Suzuki ซึ่งเป็นผู้นำในการแข่งขันอยู่ก็เข้าพิตเช่นกัน ตามมาด้วย Serrano ที่เข้าพิตในแล็ปต่อมา เมื่อกลับสู่สนาม และเพิ่งผ่านกึ่งกลางของการแข่งขันไป นักแข่งทุกคนก็เข้าพิตไปหมดแล้ว และลำดับในการแข่งขันก็คือ Suzuki, Serrano, Kawakami, Carrazza

สองแล็ปสุดท้ายนั้น Carrazza ไล่บี้ Kawakami อย่างหนักเพื่อล็อกเอาอันดับที่ 3 มาให้ตัวเอง และในที่สุดเขาก็แซงนักแข่งญี่ปุ่นไปได้ในโค้งที่ 2 และนักแข่งชาวอาร์เจนตินา Martin Marza (TENTFS_Papo2514) ก็แซงไปเช่นกัน เมื่อถึงแล็ปสุดท้าย José Serrano ก็ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อแซง Seiya Suzuki แต่นักแข่งชาวญี่ปุ่นก็ป้องกันการโจมตีของนักแข่งชาวสเปนได้หมด และในที่สุดก็คว้าชัยชนะไป ส่วนการแซงอันกล้าหาญของ Adriano Carrazza ในช่วงคู่คี่สูสีของการแข่งขันก็ทำให้เขาเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 และคว้าตำแหน่งสุดท้ายในรอบ World Finals ไป

Suzuki กล่าวหลังการแข่งขันว่า “ทีแรกผมกดดันมากนะครับที่ต้องมาแข่งรอบนี้ แต่ผมก็อยากทำผลงานให้ออกมาดีๆ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพนักแข่งคนอื่นๆ ด้วย เป้าหมายของผมคือเข้ารอบชิงชนะเลิศ ตอนนี้ก็เลยมีความสุขมากๆ”

อันดับ นักแข่ง เวลา
1 Seiya Suzuki V1_CRV-KRT86 18:55.320
2 Jose Serrano TDG_JOSETE +00.355
3 Adriano Carrazza Didico__15 +02.335
4 Martin Marza TENTFS_Papo2514 +03.250
5 Kanata Kawakami SG_Kawakana +05.103
6 Thomas Labouteley Aphel-ion +05.261
7 Matthew McEwen AE_McEwen +07.776
8 Kylian Drumont PRiMA_Kylian19 +08.917
9 Emily Jones emreeree +09.488
10 Nikita Moysov ERM_Nick +14.131
11 Arthur Mosso GRID_ART55MN +21.993
12 Dean Heldt PRiMA_Deano +23.441