ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา รอบที่ 3 ของ Gran Turismo World Series (GTWS) เปิดฉากขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ ใจกลางความหรูหราของลอสแอนเจลิส โดยเป็นที่จับตาจับใจแก่ผู้ชมที่แน่นขนัดภายใน Orpheum Theatre สถานที่ประวัติศาสตร์อันเป็นเพชรเม็ดงามแห่งยุคทองของฮอลลีวูด ซึ่งเคยจัดฉายภาพยนตร์จอเงินรอบปฐมทัศน์ และสารพัดการแสดงที่ล้วนเป็นตำนานมาแล้ว ใต้เพดานเคลือบทองและแสงไฟระยิบระยับนั้น เสียงคำรามของเครื่องยนต์เสมือนจริงได้กลายเป็นบทเพลงและฉากละครอันตระการตา เมื่อการแข่งรถในโลกจำลองระดับโลกพร้อมระเบิดความมันส์

หลังจากการเข้าเส้นชัยที่ทำเอาใจหายใจคว่ำใน Manufacturers Cup สปอตไลต์ก็หันมาสาดส่องไปที่ Nations Cup ที่ซึ่งความภาคภูมิใจ ความเร่าร้อน และความแม่นยำมาปะทะกัน นักแข่งที่เร็วที่สุดในโลกและเป็นตัวแทนบ้านเกิดตัวเอง 12 คนมาชิงตำแหน่งสุดยอดกัน หรือก็คือแชมป์ Nations Cup นั่นเอง พวกเขาประกอบด้วยผู้ชนะสามอันดับแรกจากฤดูกาล 2024 และบรรดาผู้ผ่านเข้ารอบในอันดับสูงสุดจากแต่ละภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งมารวมตัวกันในนครแห่งนางฟ้าเพื่อตัดสินว่า ใครจะได้ยืนหยัดในฐานะนักแข่ง GTWS ที่เร็วที่สุดในโลก หลังจากผ่านไปสองรอบ Jose Serrano จากสเปนก็นำขาดลอยด้วย 12 คะแนน ตามด้วย Valerio Gallo จากอิตาลี (เก้าคะแนน) และนักแข่งสเปนอีกคน Pol Urra (หกคะแนน) ส่วนตอนนี้ การแข่งขันแรกเป็นการแข่งสปรินต์เรซ

การแข่งสปรินต์เรซ: วัตคินส์ เกลน ลองคอร์ส 13 แล็ป

แม้จะไม่มีคะแนนชิงแชมป์ให้ชิงกัน แต่การแข่งขันนี้ก็สำคัญมาก เพราะจะตัดสินตำแหน่ง ณ เส้นออกตัวอันสำคัญยิ่งสำหรับรอบชิงชนะเลิศของ Nations Cup รอบที่ 3 รอบชิงชนะเลิศ เวทีในรอบนี้คือวัตคินส์ เกลน สนามในตำนานที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์การแข่งรถมาช้านาน และนักแข่งทุกคนก็อยู่ใน Chaparral 2J "รถใบพัด" สุดอัศจรรย์ ที่ตั้งชื่อตามระบบใบพัดปฏิวัติวงการ ซึ่งใบพัดจะช่วยดูดตัวรถให้ติดพื้นยางมะตอยเวลาเข้าโค้งได้จริงๆ อันเป็นการท้ากฎฟิสิกส์และผู้ที่ยึดติดกับขนบด้วยดีไซน์อันบ้าบิ่นนั่น

Kaj de Bruin (R8G_Kajracer) จากเนเธอร์แลนด์จัดแล็ปสวยๆ ในรอบคัดจุดออกตัวแล้วคว้าตำแหน่งโพลโพซิชันไป และที่ตามหลังมาเพียงอึดใจเดียวก็คือ Kylian Drumont (R8G_Kylian19) จากฝรั่งเศสในอันดับที่ 2 ขณะที่ผู้นำในรายการอย่าง Jose Serrano (JoseSerrano_16) จากสเปนต่อแถวมาเป็นที่ 3 รอบนี้กำหนดให้ต้องเข้าพิตหนึ่งครั้ง และอย่างไรเสียยาง Dunlop เนื้ออ่อนก็มีชะตาที่จะสิ้นแรงยึดเกาะก่อนเข้าเส้นชัย การวัดกลยุทธ์จึงต้องเริ่มแต่เนิ่นๆ แบบนี้นักแข่งจะเสี่ยงวิ่งไปกับยางสึกๆ หรือเปลี่ยนไปใช้ยางใหม่กันแน่ เพราะยางเนื้ออ่อนนั้นรอดไปได้ไม่น่าถึง 13 แล็ปด้วยซ้ำ

หลังออกตัวกันอย่างหมดจดงดงาม ในสนามก็เริ่มตั้งขบวน โดยพากันผ่านโค้งความเร็วสูงที่ทั้งกว้างและยาวในแล็ปเปิด ณ วัตคินส์ เกลนกันไปอย่างระมัดระวัง แต่พอถึงแล็ปที่ 3 ลมที่สงบก็หลีกทางให้พายุอาละวาด Drumont กับ Serrano จู่โจมที่ทางตรงด้านหลังแล้วทะยานแซง de Bruin ที่นำมาในตอนต้นไป ไม่นานหลังจากนั้น หนึ่งในตัวเต็งและอดีตแชมป์ Nations Cup จากอิตาลี ซึ่งก็คือ Valerio Gallo (OP_Bracer) ได้ตีวงกว้างผ่านโค้งชิเคน จนร่วงลงไปอยู่ท้ายฝูง

ไม่นานแผนที่วางกันไว้ก็เข้ามามีบทบาท ในช่วงเข้าพิต Angel Inostroza (Veloce_Loyrot) จากชิลีซึ่งชนะ Manufacturers Cup มาหมาดๆ ก็โดดจาก 3 ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงหลังจากตัดสินใจไม่เปลี่ยนยาง ทำให้ประหยัดเวลาอันมีค่าในการเข้าพิตไปได้ ส่วน Serrano กับ Drumont ก็โผล่ตามหลังเขามาติดๆ กับยาง Dunlop ชุดใหม่ บัดนี้การไล่ล่าเริ่มขึ้นเต็มสูบแล้ว แต่ยางของ Inostroza ก็เริ่มสิ้นแรงยึดเกาะเสียแล้ว เป็นที่ประจักษ์ว่าการทำความเร็วอันไม่ลดละจากยางเนื้ออ่อนของ Serrano และ Drumont นั้นหนักหนาสาหัสเกินไป เมื่อถึงแล็ปที่ 10 ทั้งคู่ก็แซงนักแข่งชิลีที่เนือยลงไป เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำการแข่งคืนมา

เมื่อธงตาหมากรุกโบกสะบัด ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรกก็คือ Serrano ซึ่งคว้าโพลโพซิชันในรอบชิงชนะเลิศอันสำคัญยิ่งไปได้ แถมอยู่ในตำแหน่งที่จะรักษาสถิติการครองแชมป์อันสมบูรณ์แบบของตัวเองต่อไปด้วย Drumont เข้าที่ 2 ไปอย่างแข็งแกร่ง ส่วน Takuma Miyazono (Kerokkuma_ej20) จากญี่ปุ่นก็ทำผลงานเป็นที่ฮือฮา โดยตะบึงจากที่ 8 ไปเข้าเส้นชัยเป็นที่ 3 Thomas Labouteley (BSCOMP_Aphe) ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจเช่นกัน โดยตะกายจากท้ายเส้นออกตัวมาได้ที่ 6 อย่างองอาจ

ถัดไปคือรอบชิงชนะเลิศ และคำถามในใจทุกคนก็คือ “จะมีใครหยุดยั่ง El Rayo de Granada (สายฟ้าแห่งเกรนาดา) Jose Serrano ได้หรือไม่”

รอบชิงชนะเลิศ: เดย์โทน่าโร้ดคอร์ส 30 แล็ป

เวทีหลักสำหรับอีเวนต์ในวันนั้นหาใช่ที่อื่นใดแต่คือเดย์โทนา สปีดเวย์ โร้ดคอร์ส ซึ่งเป็นสถานที่แข่งขันเดย์โทนา 24 ชั่วโมงอันโด่งดัง ณ สนามดังกล่าว นักแข่งมือดีที่สุดของโลกทั้ง 12 คนขึ้นนั่งบน Red Bull X2019 Competition รถคันดุทะลุจุดเดือดที่มีขีดจำกัดเพียงอย่างเดียวคือฝีมือและสติของนักแข่ง สิ่งที่กั้นกลางระหว่างพวกเขากับความยิ่งใหญ่ก็คือสามสิบแล็ป งานนี้แผนการสำคัญที่สุด การเลือกใช้ยางเนื้ออ่อน ปานกลาง และแข็ง จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของการแข่งขัน และส่วนโค้งวงรีที่มีความลาดเอียงสูง ก็รับประกันว่าจะเป็นที่ดวลการใช้ลมส่งท้ายที่จะทำให้หายใจไม่ทั่วท้องด้วยความเร็ว 320 กม./ชม. (เกือบ 200 ไมล์ต่อชม.) ซึ่งมั่นใจได้อย่างหนึ่งเลยว่ามีดราม่าแน่นอน

การแข่งขันเปิดฉากแบบไม่รอใครมาตัดริบบิ้น ในแล็ปแรกนั้น Kylian Drumont มุดเข้าสลิปสตรีมของ Jose Serrano ผ่านทางลาดชันแล้วทะยานไปคว้าตำแหน่งจ่าฝูง และนั่นคือเค้าลางของอะไรอีกหลายอย่างที่จะตามมา สองคนนี้จะสลับตำแหน่งกันไปมาอีกหลายครั้งก่อนการแข่งขันจบ

เบื้องหลังพวกเขานั้น Thomas Labouteley จากฝรั่งเศสกำลังเร่งเครื่อง เขาทะยานแซง Pol Urra (PolUrra) จากสเปนไปในแล็ปที่ 2 ก่อนจะไต่ขึ้นไปอยู่ที่ 5 และที่เบื้องหน้า Kaj de Bruin ดูจะครองที่ 3 ไว้อย่างมั่นคง จนกระทั่งในแล็ปที่ 4 ที่หายนะบังเกิด ฟลายอิงดัตช์แมนผู้นี้ที่กำลังมาสวยๆ โดนสกัดดาวรุ่งเมื่อ Takuma Miyazono จากญี่ปุ่นไปสะกิดเข้าโดยไม่ตั้งใจจนหมุนคว้างกลางโค้งแฮร์พิน De Bruin ร่วงไปอยู่ที่ 8 ขณะที่ Miyazono โดนลงโทษหนึ่งวินาที ทำให้เสียไปหนึ่งอันดับ

จากนั้นในสนามก็เริ่มเข้าที่ นักแข่งแต่ละคนบริหารความเร็วและเชื้อเพลิง ก่อนที่ศึกประชันแผนจะเริ่มขึ้นอย่างจริงจัง เมื่อถึงแล็ปที่ 12 ก็มีรถเข้าพิตเพียงสี่คัน หนึ่งในนั้นคือ Valerio Gallo ผู้ออกตัวจากอันดับที่ 11 ณ เส้นออกตัวด้วยยางเนื้อแข็ง เขาเปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อปานกลางด้วยหวังจะตะกายฝูงขึ้นไป

ส่วนเหล่าจ่าฝูงก็ลงมือเข้าพิตกันในแล็ปที่ 13 โดยทุกคนต่างเลือกใช้ยางเนื้อแข็งกันหมด เมื่อฝุ่นจากช่วงเข้าพิตหายตลบ Serrano ก็กลับมาครองสนาม ที่ตามมาติดๆ คือ Labouteley, Drumont, Miyazono และ Urra ซึ่งทั้งฝูงที่คู่คี่สูสีกันอยู่นี้เตรียมเปิดศึกลมกรดกันอีกยก

เมื่อผ่านไปถึงครึ่งทาง ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเกิดการเปิดฉากท้าดวลขึ้นแล้ว นักแข่งทุกคนเปลี่ยนไปใช้โหมดจู่โจม และความตึงเครียดก็ทะยานถึงขีดสุด Labouteley แซง Serrano ไปคว้าตำแหน่งจ่าฝูงอย่างดุดัน ส่วน Urra นั้นก็แซง Miyazono ไปอยู่ที่ 4 ไม่กี่โค้งต่อมา อันดับที่ว่าก็สลับกลับอีกครั้ง ด้วยการลงมืออันดุดันและเชือดเฉือนกันท่ามกลางความพัลวันพัลเก การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน โดยรถห้าอันดับแรกมีระยะห่างรวมกันไม่ถึงสองวินาที

เมื่อเหลืออีกไม่กี่แล็ป นักแข่งคนหนึ่งก็เขียนบทใหม่อย่างเงียบๆ Gallo ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ Nations Cup ก็เฉือนผ่านคนอื่นๆ ไปด้วยความแม่นยำดุจจับวาง เมื่อถึงแล็ปที่ 20 ยางเนื้อปานกลางของเขาก็ขับขาน เขาทะยานผ่าน Drumont และ Serrano ซึ่งเป็นผู้นำในช่วงต้นไป อาชาผยองจากอิตาลีควบทะยานดุจสายลม ที่มิอาจมีสิ่งใดมาหยุดยั้ง ไม่ย่อหย่อน และกลับมาสู่การไล่ล่าอีกครั้ง

เวทีสำหรับการเข้าพิตครั้งสุดท้ายพร้อมแล้ว โดยมีทุกอย่างเป็นเดิมพัน เจ็ดอันดับแรกทิ้งกันไม่ถึงหนึ่งวินาที และตอนนี้ Guy Barbara (OP_Twitchy) จากออสเตรเลียก็เข้าทำศึกหัวแถวกับเขาด้วย ในแล็ปที่ 23 เหล่าผู้นำก็เข้าพิตไปตามๆ กัน ซึ่งแต่ละคนต่างหันไปใช้ยางเนื้ออ่อนที่มีแรงยึดเกาะสูง และเติมน้ำมันแค่เพียงให้พอถึงเส้นชัย

Urra โผล่มาก่อนเพราะใช้น้ำมันไปน้อยกว่าใครเพื่อน ตามมาด้วย Labouteley, Miyazono, Gallo, Serrano, Drumont และ Barbara กลายเป็นรถเจ็ดคันทะยานเป็นเส้นตรงสู่เส้นชัย แล็ปสุดท้ายนั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง รถสามคันวิ่งเรียงแถวหน้ากระดานด้วยความเร็วมากกว่า 300 กม./ชม. ต่างสะกิดสะเกาสลับตำแหน่งกันด้วยความแม่นยำจนทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง ณ จุดนี้ไม่มีนักแข่งคนไหนยอมกันแม้มิลลิเมตรเดียว ท่ามกลางศึกล้อชนล้ออันดุเดือดนั้น Urra ฉวยโอกาสจากความโกลาหลนำห่างออกไปอย่างมีชั้นเชิง

เมื่อฝุ่นหายตลบ นักแข่งสเปนก็คว้าชัยชนะไปอีกครั้ง แต่อาจไม่ใช่คนที่คนดูคาดไว้ Pol Urra เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ตอกฝาโลงคว้าชัยและคะแนนชิงแชมป์ก้อนใหญ่ไปด้วยใจระทึก ส่วนเพื่อนร่วมชาติของเขา Jose Serrano ก็ตามมาติดๆ ในที่ 2 พร้อมด้วยเหยี่ยวฝรั่งเศส (Le Faucon Français) Kylian Drumont ที่รับจบครบโพเดียมในศึก Nations Cup ที่เดือดจนนั่งไม่ติดครั้งนี้

แม้ครั้งนี้ชัยชนะจะหลุดมือไป แต่ Serrano ก็ยังนำห่างในการชิงแชมป์ด้วย 17 คะแนน ชัยชนะของ Urra พาเขาโดดไปอยู่ที่ 2 ด้วย 12 คะแนน ส่วน Valerio Gallo จากกอิตาลี หลังจากแข่งด้วยความมานะอุตสาหะแล้วก็ขึ้นไปอยู่ที่ 3 โดยรวมด้วย 11 คะแนน ส่วนที่ตามติดเป็นเงาก็คือตัวฉกาจตลอดกาลอย่าง Takuma Miyazono จากญี่ปุ่น ที่ตอนนี้อยู่ที่ 4 ด้วยเจ็ดคะแนน และยังอยู่ในระยะที่เหมาะแก่การจู่โจม

Urra กล่าวหลังการแข่งขันว่า "ชนะแล้วก็ดีตลอดแหละครับ ยิ่งหลังจากเรื่องที่เบอร์ลิน (ที่ผมวางแผนพลาดไป) แบบนี้ด้วย ผมรู้สึกเหมือนได้ไถ่บาปเลยครับ ตอนเริ่มแข่ง ผมตามกลุ่มจ่าฝูงได้ยากมาก เพราะผมทำความเร็วเหมาะๆ ไม่ได้เลย ผมโอเคกับยางเนื้อแข็งมากๆ เลยนะครับ กับยางเนื้ออ่อนก็ด้วย พอเริ่มทิ้งห่างสำเร็จ ผมก็เริ่มจดจ่อกับจังหวะของตัวเองได้ และที่โรมรันพันตูกันอยู่ข้างหลังก็ช่วยให้ผมรั้งตำแหน่งจ่าฝูงไว้ได้"

บัดนี้เวทีสำหรับ World Finals ในฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมแล้ว และนักแข่งทั้งหกก็ยังมีโอกาสคว้าแชมป์ Nations Cup ปี 2025 กันทุกคน ใครจะคว้าชัยนั้นคงได้แต่คาดเดาไปต่างๆ นานา แต่หากดูจากแนวโน้มแล้ว เล่นข้างตัวเต็งสองนักแข่งชาวสเปนน่าจะเป็นการฉลาด กระนั้น การมองข้ามอดีตแชมป์อย่าง Takuma Miyazono และ Valerio Gallo และแชมป์เหรียญทองโอลิมปิกอย่าง Kylian Drumont ก็อาจเป็นเรื่องผิดพลาด แถมยังมีม้ามืดอย่าง Takuma Sasaki (SZ_TakuAn22) ที่รอทำให้โลกตะลึงหากชะตาเป็นใจ เพราะที่สุดแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ในการแข่งขัน